สแกนเนอร์เบื้องต้น


สแกนเนอร์คืออะไร??
สแกนเนอร์คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของอนาล๊อกเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษา และผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติค่อนข้างแบนราบ เช่น ผ้า
โดยพื้นฐานการทำงานของสแกนเนอร์, ชนิดของสแกนเนอร์ และความสามารถในการทำงานของสแกนเนอร์ แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
ชนิดของเครื่องสแกนเนอร์
สแกนเนอร์สามารถจัดแบ่งตามลักษณะทั่วๆ ไป ได้ 2 ชนิด คือ
- Flatbed scanners, ซึ่งใช้สแกนภาพถ่ายหรือภาพพิมพ์ต่าง ๆ สแกนเนอร์ชนิดนี้มีพื้นผิวแก้วบนโลหะที่เป็นตัวสแกน เช่น ScanMaker III
- Transparency and slide scanners, ซึ่งถูกใช้สแกนโลหะโปร่ง เช่น ฟิล์มและสไลด์ ตัวอย่างของสแกนเนอร์ชนิดนี้ เช่น ScanMaker 35t ที่ใช้สแกนฟิล์ม 35-mm และ ScanMaker 45t ใช้สแกนฟิล์มขนาด 8"x10"
สแกนเนอร์ทำงานอย่างไร
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCD ซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่า CCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับจากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
จากที่กล่าวมานั้นเป็นกระบวนการสแกนภาพจากรูปภาพหรือที่เรียกว่า Reflect เท่านั้น หากสแกนภาพจากฟิล์มจะมีขั้นตอนของการสแกนแตกต่างไปจากนี้
ชนิดของภาพที่จะนำมาสแกน
การจะสแกนภาพออกมาได้ดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบชนิดของภาพที่นำมาสแกนด้วย เนื่องจากคอมพิวเตอร์นั้นแสดงภาพและจับภาพออกมาเป็นข้อมูลดิจิตอลที่มีความเกี่ยวข้องกับพิกเซล ในที่นี้ก็เปรียบเหมือนกับจุดเล็กๆ ที่ประกอบออกมาเป็นภาพ ภาพๆหนึ่งถ้าเป็นภาพหยาบๆ จะประกอบด้วยพิกเซลหลายร้อยพิกเซล หรือหากเป็นภาพที่ละเอียดและเป็นภาพสีก็อาจจะประกอบ ด้วยพิกเซลขนาดเป็นล้านๆ พิกเซลก็ได้ ยิ่งจำนวนพิกเซลเพิ่มมากเท่าไร ภาพจะยิ่งละเอียดมากเท่านั้น และก็จะใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลมากยิ่งขึ้นด้วย สำหรับการแบ่งประเภทโดยทั่วไป แบ่งภาพออก เป็นประเภทดังนี้
1. ภาพ Single Bit
ภาพ Single Bit เป็นภาพที่มีความหยาบมากที่สุดใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุดและ นำมาใช้ประโยชน์อะไรไ่ม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที่ ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสแกนภาพน้อยที่สุด Single-bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ
- Line Art ได้แก่ภาพที่มีส่วนประกอบเป็นภาพขาวดำ ตัวอย่างของภาพพวกนี้ ได้แก่ ภาพที่ได้จากการสเก็ต
- Halftone ภาพพวกนี้จะให้สีที่เป็นโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท Single-bit เนื่องจากเป็นภาพหยาบๆ
2. ภาพ Gray Scale
ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดำ โดยจะประกอบด้วยเฉดสีเทาเป็นลำดับขั้น ทำให้เห็นรายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึกมากขึ้นกว่าเดิม ภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ ละจุดของภาพอาจประกอบด้วยจำนวนบิตมากกว่า ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
3. ภาพสี
หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วยจำนวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ควาามสามารถในการสแกนภาพออกมาได้ละเอียดขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใช้สแกนเนอร์ขนาดความละเอียดเท่าไร
4. ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือในที่นี้ ได้แก่ เอกสารต่างๆ เช่น ต้องการเก็บเอกสารเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขาย โดยไม่ต้องพิมพ์ลงในแฟ้มเอกสารของเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ก็สามารถใช้สแกนเนอร์ สแกนเอกสารดังกล่าว และเก็บไว้เป็นแฟ้มเอกสารได้ นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถใช้ โปรแกรมที่สนับสนุน OCR (Optical Chareacters Reconize) มาแปลงแฟ้มภาพเป็นเอกสาร ดังกล่าวออกมาเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถแก้ไขได้

ข้อมูลเพิ่มเติม

แก้ไขครั้งล่าสุด 23 ธันวาคม 2540